
ผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทยแชร์คำกล่าวอ้างที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับ XBB สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน
- บทความนี้มีอายุมากกว่า 1 ปี
- เผยแพร่ วันที่ 21 เมษายน 2566 เวลา 09:40
- ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
- เขียนโดย: AFP ประเทศไทย
สงวนลิขสิทธิ์ © AFP 2560-2568 การใช้เนื้อหาในลักษณะเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องสมัครเป็นสมาชิก ข้อมูลเพิ่มเติม
คำกล่าวอ้างที่ทำให้เข้าใจผิดดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กจากประเทศไทยที่นี่ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566
คำบรรยายโพสต์บางส่วนเขียนว่า “ข่าวสิงคโปร์: ทุกคนควรสวมหน้ากาก เนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของ COVID-Omicron XBB นั้นแตกต่าง อันตรายถึงชีวิต และไม่สามารถตรวจพบได้ง่าย:- อาการของไวรัส XBB มีดังนี้:
“ 1. ไม่มีอาการไอ 2. ไม่มีไข้ จะมีเพียง:
“ 3. ปวดข้อ 4. ปวดศีรษะ 5. ปวดคอ 6. ปวดหลังส่วนบน 7. โรคปอดบวม 8. เบื่ออาหารทั่วไป
“ XBB เป็นพิษมากกว่าเดลต้าถึง 5 เท่าและมีอัตราการตายที่สูงกว่า
“ไม่พบไวรัสสายพันธุ์นี้ในบริเวณโพรงหลังจมูก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อปอดหรือ "หน้าต่าง" ในระยะเวลาอันสั้น การทดสอบ Nasal swab โดยทั่วไปให้ผลลบสำหรับ COVID-Omicron XBB และกรณีการทดสอบ Nasopharyngeal ที่เป็นลบที่ผิดพลาดกำลังเพิ่มขึ้น
“จะใช้เวลาสั้นกว่าอาการจะรุนแรงถึงขีดสุด และบางครั้งก็ไม่มีอาการชัดเจน”

ในเดือนตุลาคม ปี 2565 ประเทศสิงคโปร์รายงานตัวเลขผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น โดยระบุสาเหตุว่ามาจากการแพร่ระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย XBB
“ในประเทศสิงคโปร์ตอนนี้ XBB เป็นสายพันธุ์ย่อยที่กำลังระบาดในชุมชน โดยคิดเป็นสัดส่วน 54% ของการติดเชื้อทั้งหมดในช่วงวันที่ 3-9 ตุลาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจาก 22% ในอาทิตย์ก่อน” กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2565
ผู้ใช้เฟซบุ๊กจากหลายประเทศเช่นมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เมียนมา อินเดีย และสหรัฐอเมริกา แชร์คำกล่าวอ้างคล้ายๆ กันที่ระบุว่าสายพันธุ์ย่อย XBB มีความ “รุนแรงกว่าถึง 5 เท่า” และมี “อัตราการตายที่สูงกว่า” เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า
นอกจากในประเทศไทยแล้ว ยังพบคำกล่าวอ้างเดียวกันถูกแชร์มาก่อนในภาษาอินโดนีเซียและจีน
“ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด”
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ในตอนนี้พบการระบาดของโควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 ใน 34 ประเทศทั่วโลก แต่ก็ยังไม่พบลักษณะอาการของโควิดสายพันธุ์ที่แน่ชัดว่าแตกต่างจากสายพันธุ์เดิมเท่าไรนัก
ธีระกล่าวว่า ในขณะนี้ “ยังไม่พบข้อมูลที่ชัดเจน แม้แต่ในประเทศอินเดียที่การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ XBB เพิ่มขึ้น ก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเสียชีวิตที่เห็นได้ชัด”
ส่วนข้อมูลที่อ้างว่าการตรวจด้วยชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน (ATK) ทางจมูกนั้นไม่สามารถตรวจพบไวรัสสายพันธุ์ XBB ได้เนื่องจาก “ไม่พบไวรัสสายพันธุ์นี้ในบริเวณโพรงหลังจมูก” ธีระได้ยืนยันกับ AFP ว่า “ไม่จริง”
ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์จีโนมทางการแพทย์ระบุเช่นกันว่าโควิดสายพันธ์ุย่อย XBB ไม่ได้ทำให้ผู้ติดเชื้อมีความเสี่ยงต่อชีวิตที่เพิ่มขึ้น หรือมีอาการป่วยที่รุนแรงไปกว่าเดลต้าและโอมิครอน
ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่าโควิดสายพันธ์ตระกูล XBB ไม่ได้ทำให้มีอาการเจ็บป่วยรุนแรงไปกว่าการติดเชื้อจากสายพันธุ์เดลต้าหรือโอมิครอน
ในส่วนของอัตราการเสียชีวิต วสันต์กล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า XBB รุนแรงกว่าเดิมหรือไม่”
ส่วนคำกล่าวอ้างที่ว่า XBB ตรวจจับได้ยากนั้น วสันต์กล่าวว่า “ATK เป็นชุดตรวจที่ตรวจโปรตีน เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา ยังสามารถตรวจได้อยู่และตรวจได้ดี”
“องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าสายพันธุ์ XBB เป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง เราก็เฝ้าระวังกันต่อไป” วสันต์กล่าว
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ (MOH) ได้ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย XBB
แถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 แปลเป็นภาษาไทยว่า “ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุว่ XBB ทำให้มีอาการป่วยที่รุนแรงกว่าเดิม จนถึงตอนนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการน้อย เช่น เจ็บคอหรือไข้อ่อนๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนมาแล้ว”
“ทางกระทรวงพบว่าอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ไม่ได้เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา”
ทางด้านกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงสาธารณสุขไทย ได้เผยแพร่แถลงการณ์ทางเพจเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 โดยปฏิเสธคำกล่าวอ้างในโพสต์ที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นข่าวปลอม

พบเนื้อหาที่คุณต้องการให้เอเอฟพีตรวจสอบ?
ติดต่อเรา