โพสต์แชร์กราฟฟิคเท็จอ้าง “5 ประเทศอาเซียนจะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ”

  • บทความนี้มีอายุมากกว่า 1 ปี
  • เผยแพร่ วันที่ 19 ตุลาคม 2022 เวลา 11:58
  • อัพเดตแล้ว วันที่ 19 ตุลาคม 2022 เวลา 12:05
  • ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
  • เขียนโดย: Panisa AEMOCHA, AFP Thailand
หลายโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ของประเทศไทยได้แชร์คำกล่าวอ้างเท็จที่ระบุว่า 5 ประเทศในอาเซียนจะเลิกใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอธิบายกับ AFP ว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ประเทศอย่างสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ จะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากสกุลเงินดังกล่าวเป็นมาตรฐานโลก และยังไม่มีสกุลเงินอื่นมาใช้แทนได้ในตอนนี้ ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยยังได้ชี้แจงกับ AFP ว่า คำกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นเท็จ และอาจมีต้นเหตุมาจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบชำระเงินที่หลายประเทศในอาเซียนร่วมกันพัฒนาเพื่อสร้างความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว

คำกล่าวอ้างนี้ถูกโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565

คำบรรยายโพสต์เขียนว่า: “1 พ.ย. นี้ 5 ชาติ อาเซียน จะเลิกใช้ดอลลาร์”

ภาพกราฟฟิคในโพสต์ดังกล่าวแสดงภาพธงชาติของประเทศสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ พร้อมกับภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

ข้อความบนภาพกราฟฟิคเขียนว่า: “1 พ.ย.นี้ 5 ชาติอาเซียน จะเลิกใช้เงินสกุลดอลลาร์ เปลี่ยนใช้เงินสกุลท้องถิ่นแทน ในการชำระเงินสำหรับนักเดินทาง”

อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบไปด้วย 10 ประเทศ นอกเหนือจากทั้ง 5 ประเทศปรากฎอยู่ในโพสต์ดังกล่าว สมาชิกของอาเซียนยังรวมถึงบรูไน กัมพูชา ลาม เมียนมา และเวียดนาม

Image
ภาพถ่ายหน้าจอของโพสต์เฟซบุ๊กที่ทำให้เข้าใจผิด

คำกล่าวอ้างดังกล่าวถูกเผยแพร่ในช่วงที่สกุลเงินบาทของไทยร่วงหนักที่สุดในรอบ 16 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงาน

คำกล่าวอ้างที่คล้ายกันถูกแชร์ในโพสต์นี้ในกลุ่มที่มีสมาชิกถึง 63,000 คน และในโพสต์นี้ของอีกกลุ่มที่มีสมาชิกมากกว่า 6,000 คน

คอมเมนต์บางส่วนจากโพสต์เหล่านี้สะท้อนว่าผู้คนจำนวนหนึ่งเชื่อว่าประเทศในอาเซียนจะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ จริง

ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งเขียนว่า “ถูกต้อง ถ้าเราอ้างอิงกับดอลลาร์อย่างเดียว เวลาดอลลาร์ขึ้นหรือลง ก็จะกระทบเรา สหรัฐฯ ชอบปั่นค่าเงิน มันต้องมีตัวเลือกแบบนี้”

“อีกไม่นานดอลลาร์สหรัฐฯ ก็จะเป็นแค่กระดาษ” ผู้ใช้อีกคนกล่าว

อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างว่าประเทศในอาเซียนจะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเท็จ

ดอลลาร์สหรัฐฯ “คือมาตรฐานโลก”

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินกล่าวกับ AFP ว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่ประเทศเหล่านี้จะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ

ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวกับ AFP ว่า “นี่คือข่าวลือ มีความเป็นไปได้แค่ 0.00001 เปอร์เซนต์เท่านั้นที่สิ่งนี่จะเป็นไปได้”

เขาระบุว่าแทบเป็นไปไม่ได้ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะ “ลุกขึ้นมาเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ” เนื่องจากยังไม่มีสกุลเงินอื่นสามารถขึ้นมาแทนที่ได้

“มันคือตัวกลางของธุรกรรม แม้แต่ในประเทศที่ไม่ได้ใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ ในชีวิตประจำวัน” ดร.สมชัย กล่าว

เขายังเสริมด้วยว่า หากประเทศใดประเทศหนึ่งจะยกเลิกการใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นมาจริง ๆ “พวกเขาต้องการเวลาอย่างน้อย 10 ปี ในการเตรียมพร้อม”

จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวกับ AFP เช่นเดียวกันว่าคงเป็น “เรื่องผิดปกติที่จะเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเป็นสกุลเงินมาตรฐานโลก”

เขาอธิบายเพิ่มว่า “ธุรกรรมทางธุรกิจ [ในไทย] มากกว่า 90 เปอร์เซนต์ใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ”

ตัวเลือกในการชำระเงินที่สะดวกกว่า

โฆษกจากธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงกับ AFP ว่า คำกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นเท็จ และน่าจะมีจุดเริ่มต้นมาจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการชำระเงินที่หลายประเทศในอาเซียนร่วมกันพัฒนาระบบจ่ายเงินที่ง่ายขึ้นให้กับนักท่องเที่ยว

หนึ่งในโครงการนี้คือสิ่งที่เรียกว่า การเชื่อมโยมการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ด ระหว่างประเทศไทยและอินโดนีเซียซึ่งเริ่มใช้งานจริงเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา หลังเริ่มต้นช่วงทดลองไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2564

สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธปท. อธิบายว่าโครงการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดช่วยให้คนไทยสามารถจับจ่ายสินค้าและบริการในอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับที่ชาวอินโดนีเซียสามารถใช้บริการระบบชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในไทยได้

“เมื่อ [ผู้ใช้งาน] แสกนคิวอาร์โค้ด อัตราแลกเปลี่ยนจะปรากฎขึ้นโดยทันที และค่าบริการก็มีราคาถูกลง” สิริธิดา กล่าว

เธอเสริมว่าปัจจุบันนี้ระบบดังกล่าวครอบคลุมทั้งไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เช่นเดียวกับญี่ปุ่น เมียนมาร์ และเวียดนาม

ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในปัจจุบันฟิลิปปินส์ยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบดังกล่าว

พบเนื้อหาที่คุณต้องการให้เอเอฟพีตรวจสอบ?

ติดต่อเรา