การระบาดของเอ็มพ็อกซ์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรคงูสวัดหรือวัคซีนโควิด-19

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการระบาดของเอ็มพ็อกซ์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งตรงกันข้ามกับคำกล่าวอ้างเท็จที่ถูกแชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ทั่วโลกหลังพบการแพร่ระบาดของเอ็มพ็อกซ์ในแอฟริกา โพสต์เท็จเหล่านี้อ้างข้อมูลจากบทสัมภาษณ์ของแพทย์ชาวเยอรมันซึ่งเคยเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส อย่างไรก็ตาม เอ็มพ็อกซ์เป็นโรคติดต่อที่ถูกค้นพบก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 มานานกว่าครึ่งศตวรรษ

"ดร. วูล์ฟกัง วอดาร์ก เตือนว่าโรคฝีดาษลิงเป็นกลลวงอีกชนิดหนึ่ง และแท้จริงแล้วคือโรคงูสวัดที่เกิด จากการฉีดวัคซีนโควิด" เพจเฟซบุ๊กโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567

โพสต์ดังกล่าวระบุต่อว่า แพทย์ชาวเยอรมันได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า "กระแสโฆษณาเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงในปัจจุบันเป็นเพียงการสร้างความกลัวโดยผู้มีอำนาจที่ทุจริตซึ่งพยายามปกปิดอาการของวัคซีนที่เรียกว่าวัคซีนโควิด"

เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวมีผู้ติดตามมากกว่า 25,000 บัญชี และมักเผยแพร่ข้อมูลเท็จและทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับโรคระบาดอย่างสม่ำเสมอ

Image
ภาพถ่ายหน้าจอของโพสต์เท็จ บันทึกภาพเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567

คำกล่าวอ้างนี้ปรากฏบนโลกออนไลน์หลังองค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) ประกาศให้การระบาดของโรคเอ็มพอกซ์ (mpox) หรือชื่อเดิมคือฝีดาษลิง (monkeypox) ในหลายพื้นที่ของทวีปแอฟริกาให้เป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ" เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 (ลิงก์บันทึก)

รายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มีตัวเลขผู้เสียชีวิต 208 ราย และผู้ติดเชื้อมากกว่า 99,000 คนใน 116 ประเทศทั่วโลกตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จนถึงเดือนมิถุนายน 2567

คำกล่าวอ้างเท็จลักษณะคล้ายกันนี้ถูกแชร์ในโพสต์ภาษาต่าง ๆ เช่น ภาษาจีน  สเปน  ฝรั่งเศส และเยอรมัน

ไม่มีความเกี่ยวข้อง

ไวรัสเอ็มพ็อกซ์ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในลิงเมื่อปี 2501 ในเดนมาร์ก จึงถูกเรียกว่าโรคฝีดาษลิง

ต่อมาในปี 2513 พบการติดเชื้อในมนุษย์ในพื้นที่ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในปัจจุบัน

เอ็มพ็อกซ์เกิดจากการการติดต่อของไวรัสจากสัตว์ที่ติดเชื้อสู่คน และยังสามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ

อาการของโรคนี้ประกอบด้วยไข้ ปวดกล้ามเนื้อ และผื่นคล้ายเม็ดพุพองบริเวณผิวหนัง (ลิงก์บันทึก)

ศาสตราจารย์หยวน ควอกยัง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและนักจุลชีววิทยาจากคณะแพทยศาสตร์ลีกาชิง มหาวิทยาลัยฮ่องกง ระบุว่าคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับเอ็มพ็อกซ์นี้เป็นเท็จ

"วัคซีนโควิด-19 ไม่ได้เป็นสาเหตุหรือผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดเอ็มพ็อกซ์ เนื่องจากเอ็มพ็อกซ์มักเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ" ศาสตราจารย์หยวนกล่าวกับ AFP เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567

องค์การอนามัยโลกยืนยันว่า ภาวะการระบาดของเอ็มพ็อกซ์ไม่รุนแรงเหมือนโควิด-19 (ลิงก์บันทึก)

AFP ได้เผยแพร่รายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างที่ว่าเอ็มพ็อกซ์เป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากวัคซีนโควิด-19 ที่นี่

"ไม่มีเหตุผลที่จะระบุได้ว่าการแพร่ระบาดของเอ็มพ็อกซ์มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด" เดวิด เฮย์แมนน์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาของโรคติดเชื้อจากวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน (LSHTM) มหาวิทยาลัยลอนดอน กล่าวกับ AFP เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 (ลิงก์บันทึก)

การเชื่อมโยงแบบผิด ๆ

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 วูล์ฟกัง วอดาร์ก ได้ให้สัมภาษณ์กับ AUF1 สถานีโทรทัศน์ฝั่งอนุรักษนิยมของออสเตรเลียที่มักจะสนับสนุนกฤษฎีสมคบคิดและเผยแพร่ข่าวเท็จ (ลิงก์บันทึกที่นี่ และนี่)

ในบทสัมภาษณ์ความยาว 45 นาที วอดาร์กอ้างว่าอาการของเอ็มพ็อกซ์นั้นเหมือนกับอาการของโรคงูสวัด และวงการเภสัชกรรมพยายามจะทำให้ผู้คนตื่นกลัวโดยการใช้ผลข้างเคียงของโคโรนาไวรัสเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ ๆ (ลิงก์บันทึก)

วอดาร์กอ้างอย่างผิด ๆ อีกว่า หากทำการตรวจทดสอบโรคเอ็มพ็อกซ์ในผู้ป่วยโรคงูสวัด จะทำให้แสดงผลเป็นผลบวกปลอมได้เช่นกัน (ไม่ได้ติดเชื้อ แต่ให้ผลการทดสอบเป็นบวก)

อย่างไรก็ตาม วอดาร์กไม่ได้แสดงหลักฐานใด ๆ ในการสัมภาษณ์เพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างต่าง ๆ ของเขา

เว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลกระบุว่า "การยืนยันว่าผู้ป่วยติดเชื้อเอ็มพ็อกซ์อาจจะยาก เนื่องจากลักษณะการติดเชื้อและอาการต่าง ๆ มีความคล้ายกับโรคอื่น" รวมถึงโรคเริมด้วย (ลิงก์บันทึก)

ศาสตราจารย์หยวนระบุกับ AFP ว่า "การตรวจเอ็มพ็อกซ์แบบพีซีอาร์นั้นมีความเฉพาะเจาะจงอย่างมาก และไม่น่าเกิดผลบวกปลอมได้หากผ่านกระบวนการตรวจอย่างเหมาะสม"

AFP ได้เผยแพร่รายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นคำกล่าวอ้างเท็จต่าง ๆ ของวอดาร์กเกี่ยวกับวัคซีนที่นี่  นี่ และนี่

พบเนื้อหาที่คุณต้องการให้เอเอฟพีตรวจสอบ?

ติดต่อเรา