เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐฟลอริดาอ้างว่าวัคซีน mRNA มี 'ไวรัสที่เปลี่ยนแปลง DNA มนุษย์ได้'

"'ทักเกอร์' พิธีกรดังเมกา สัมภาษณ์หมอฟลอริดา พบ การปนเปื้อนใน DNA หลังฉีด วัคซีนเทพ" เพจเฟซบุ๊กชื่อ สถาบันทิศทางไทย เขียนคำบรรยายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567

โพสต์ดังกล่าวแชร์ภาพถ่ายหน้าจอของคลิปที่คาร์ลสันสัมภาษณ์ลาดาโป โดยคาร์ลสันได้โพสต์คลิปสัมภาษณ์ฉบับเต็มไว้ในบัญชี X ของเขาเมื่อวันที่ 16 มกราคม และเขายังได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มไว้ในเว็บไซต์ของเขาด้วย (ลิงก์บันทึก)

ระหว่างการสัมภาษณ์ คาร์ลสันถามลาดาโปว่า "เป็นไปได้ไหมที่วัคซีน mRNA จะเปลี่ยน DNA ของมนุษย์" ซึ่งลาดาโปตอบว่า "เป็นไปได้อย่างแน่นอน แทบไม่ต้องสงสัยเรื่องนั้นเลย"

วิดีโอที่มีคำกล่าวอ้างเท็จดังกล่าวปรากฏขึ้นหลังลาดาโปอ้างถึงจดหมายที่เขาส่งถึงองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 โดยระบุว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA นั้นบรรจุไวรัสซิเมียน 40 (SV40) ซึ่งเป็นไวรัสที่มีจีโนมเป็น DNA ที่อาจทำให้เกิดเนื้องอกในสัตว์ได้ โดยลาดาโปอ้างว่าไวรัสชนิดนี้ก่อให้เกิด "ความเสี่ยงเฉพาะที่เพิ่มขึ้นที่ DNA จะเข้าแทรกแซงเซลล์ในร่างกาย"

Image

ภาพถ่ายหน้าจอของโพสต์เฟซบุ๊กที่แชร์คำกล่าวอ้างเท็จ

คำกล่าวอ้างเท็จคล้ายๆ กันนี้ยังถูกแชร์ใน X ที่นี่และ นี่ และในเฟซบุ๊กที่นี่ และ นี่

ลาดาโปได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศัลยแพทย์ทั่วไปประจำรัฐฟลอริดาเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 โดยผู้แต่งตั้งเขาคือ รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ที่ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างเปิดเผย (ลิงก์บันทึก)

นอกจากนี้แล้ว เดอซานติสยังผลักดันให้มีคำสั่งห้ามใช้หน้ากากอนามัยและวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในรัฐฟลอริดา ขณะที่ลาดาโปได้เรียกร้องให้มีการหยุดฉีดวัคซีนชนิด mRNA (ลิงก์บันทึกที่นี่ และ นี่)

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ยืนยันกับ AFP ว่า วัคซีนชนิด mRNA ไม่ได้บรรจุไวรัส SV40 และการฉีดวัคซีนชนิดดังกล่าวก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง DNA ของมนุษย์ได้

คำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริง

แอนนา วอลด์ ศาสตราจารย์ภาควิชาระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ให้สัมภาษณ์กับ AFP ทางอีเมลว่า คำกล่าวอ้างเท็จดังกล่าวเป็น "ข้อความที่น่าขัน" เนื่องจากวัคซีนชนิด mRNA นั้น "ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง DNA ของมนุษย์ได้" (ลิงก์บันทึก)

"การแทรกแซงของ DNA หมายความว่าชิ้นส่วน DNA ที่แปลกปลอมเดินทางเข้าสู่ข้อมูลทางพันธุกรรม หรือ จีโนม ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อ DNA ได้" วอลด์กล่าว "แต่วัคซีนป้องกันโควิดชนิด mRNA ไม่สามารถแทรกแซง DNA ได้ เพราะวัคซีนชนิดนี้ใช้เทคโนโลยี RNA ซึ่งไม่ใช่วัคซีน DNA"

แม้วัคซีนโปลิโอที่ใช้กันในช่วงปลายทศวรรษของปี 1950 (พ.ศ. 2493) และต้นทศวรรษปี 1960 (พ.ศ. 2503) พบว่ามีการปนเปื้อนของไวรัส SV40 แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบไวรัสดังกล่าวในวัคซีนใดอีกเลยนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2506 (ลิงก์บันทึก)

อับราม วากเนอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาและสาธารณสุขโลก มหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวกับ AFP ในอีเมลเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ว่า ไม่เคยมีการพบไวรัส SV40 ในวัคซีนป้องกันโควิด-19 (ลิงก์บันทึก)

"หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สารพันธุกรรมจากวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถูกเผาผลาญและขับออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว และมันไม่ได้แทรกแซง DNA ของเราแต่อย่างใด" วากเนอร์กล่าว

"ปัจจุบัน ผู้คนหลายพันล้านคนได้รับวัคซีน mRNA หากมีผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับจีโนมที่เปลี่ยนแปลงไป เราคงได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแล้วในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา"

ออบรี กอร์ดอน ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ที่แชร์คลิปสัมภาษณ์ของลาดาโปนั้นเป็นคำกล่าวอ้าง "เท็จ" (ลิงก์บันทึก)

"mRNA ไม่สามารถเข้าสู่นิวเคลียสได้ และมันจะถูกตรวจจับและทำลายในร่างกายอย่างรวดเร็ว" เธออธิบายกับ AFP ในอีเมลในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 "เซลล์ของเราใช้ mRNA ตลอดเวลา เนื่องจากมันเป็นวิธีที่เราสร้างโปรตีน วัคซีนป้องกันโควิดชนิด mRNA คือสารที่ช่วยให้ร่างกายของเราสร้างโปรตีนตัวหนึ่ง ซึ่งโปรตีนตัวนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานเพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ต่อไป"

หน่วยเฝ้าระวังสุขภาพระดับชาติของประเทศต่างๆ รวมถึงหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่ได้เปลี่ยนแปลง DNA (ลิงก์บันทึกที่นี่ และ ที่นี่)

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ตรวจสอบคำกล่าวอ้างเดียวกันนี้ ก่อนจะเผยแพร่แถลงการณ์ว่า "วัคซีน mRNA ไม่ได้ใช้ไวรัสที่มีชีวิต และไม่สามารถแทรกแซง DNA ของมนุษย์ได้" (ลิงก์บันทึก)

ก่อนหน้านี้ AFP ได้ตรวจสอบคำกล่าวอ้างว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถเปลี่ยนแปลง DNA ของมนุษย์ได้ โดยเผยแพร่รายงานไว้ที่นี่  นี่ และ นี่