บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งและประธานร่วมของมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในเมืองลิยง ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 (AFP / Ludovic Marin)

คลิปวิดีโอจากรายงานของสถานีโทรทัศน์ประเทศเยอรมัน ถูกแชร์ในโพสต์ที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และบิล เกตส์

  • บทความนี้มีอายุมากกว่า 1 ปี
  • เผยแพร่ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 11:00
  • ใช้เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
  • เขียนโดย: AFP ประเทศไทย
ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเร่งจัดโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19ให้แก่ประชากร คลิปวิดีโอภาพจำลองจากคอมพิวเตอร์แสดงผู้คนกำลังถูกฝังไมโครชิพ ได้ถูกแชร์พร้อมคำเตือนว่า บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ มีแผนที่จะ “ยึดครองโลก” ผ่านการฉีดวัคซีน คำกล่าวอ้างนี้ทำให้เข้าใจผิด คลิปวิดีโอต้นฉบับเป็นรายงานของสถานีโทรทัศน์ในประเทศเยอรมัน โดยเป็นรายงานเรื่องทฤษฎีสมคบคิดที่เกี่ยวกับโควิด-19 สำนักข่าว AFP ได้ตรวจสอบคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับ บิล เกตส์ และการฝังชิพ ไปแล้วก่อนหน้านี้

รูปภาพชุดนี้ได้ถูกโพสต์ลงเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563

คำบรรยายโพสต์เขียนว่า “แค่ออกมาเตือนให้โลกรู้ว่า อย่าฉีดยาโควิค19 อันนี้คือใบสั่งเพื่อลดจำนวนประชากรลง โปรดใช้วิจารญาณ ใช้ใจคิด อย่าใช้สมองคิด

วิสัยทัศน์ .... Bill Gates และ บริษัท ... เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด 19 nategun .... ! ... ซึ่งจะกลายพันธุ์ .... ส่งต่อ ....

แล้วเราก็กลายเป็นหุ่นยนต์นาโนมนุษย์ ... วัคซีนเข็มเดียวคงไม่เพียงพอดังนั้นตอนนี้พวกเขากำลังสร้างยุ้งฉางทั่วโลก ... พวกเขากำลังปิดเราในเวลากลางคืนกำลังดำเนินการอวน 5g ... ฯลฯ .... มันเกี่ยวกับการลดปริมาณการทำหมันมันเกี่ยวกับ สำหรับระเบียบโลกใหม่ ... สำหรับการระบุตัวตนของคุณเมื่อได้รับการฉีดยา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตาข่าย 5 กรัมกล้องจดจำใบหน้า ... ฯลฯ จะไม่มีเงินกระดาษ ... มันเป็นเรื่องของการควบคุมเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างสมบูรณ์ .... ไวรัสเป็นเพียงข้ออ้างสำหรับความตื่นตระหนกความกลัวที่ผู้คนมีอยู่ในปัจจุบัน ... และหน้ากากระยะปลอดภัย ... เป็นเพียงความคิดที่ซาตานของสังคมที่ถูกรบกวนทางจิตใจ ใครอยากจะปลูกฝังมันไว้ในหัว ... !”

Image


รูปภาพในโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวตรงกับคลิปวิดีโอภาษาเยอรมันนี้ ที่ถูกแชร์ในโพสต์ภาษาโรมาเนียที่นี่

คลิปวิดีโอความยาว 18 วินาทีแสดงผู้คนที่ใส่ชุดสีขาว วิ่งเข้าไปในเต็นท์ โดยมีทหารสังเกตการณ์อยู่ ภาพมุมใกล้แสดงแขนของบุคคลที่ได้รับวัคซีนมีสัญลักษณ์ของบริษัทไมโครซอฟท์ ตอนจบคนที่ใส่ชุดสีขาวเดินออกมาจากเต็นท์ขณะที่ใบหน้าของบิล เกตส์ ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้า

เสียงบรรยายภาษาเยอรมันในวิดีโอแปลเป็นภาษาไทยว่า “พวกเราถูกบังคับให้ฉีดวัคซีนจากความหวาดกลัวต่อไวรัส พวกนักธุรกิจที่โลภที่รายล้อมผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ต้องการจะฉวยโอกาสนี้เพื่อฝังไมโครชิพให้แก่เหล่ามนุษยชาติและควบคุมอำนาจจากพวกเขาโดยเบ็ดเสร็จ”

มีสัญลักษณ์สีน้ำเงินปรากฏอยู่ที่ด้านล่างซ้ายของจอ โดยตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนว่า “Galileo Spezial”

Image
Image


คลิปวิดีโอนี้ถูกแชร์พร้อมคำกล่าวอ้างคล้ายๆ กัน ในภาษาอาหรับ และโรมาเนีย ที่นี่และนี่

บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เป็นแกนนำหลักในการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ซึ่งท่าทีดังกล่าวทำให้เข้าตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มรณรงค์ต่อต้านการฉีดวัคซีน และกลุ่มอื่นๆ ที่นำชื่อเขาไปอ้างในทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ในช่วงวิกฤตินี้

มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1,750 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในการรับมือการสถานการณ์การระบาดครั้งนี้

การฝังไมโครชิพ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้ปฎิเสธคำกล่าวอ้างว่า วัคซีนโควิด-19 มีไมโครชิพแฝงอยู่

Waseem Khawaja แพทย์และโฆษกประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ของประเทศปากีสถานในกรุงอิสลามาบัด กล่าวว่าผู้คนไม่ควรไปสนใจกับทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้

“วัคซีนประเภทที่มีการฝังไมโครชิพเพื่อควบคุมความคิดของคนนั้น ไม่มีอยู่จริงนะครับเท่าที่เราทราบ” เขาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าว AFP เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 “ผู้คนไม่ควรไปใส่ใจกับโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้ และควรจะรับวัคซีนโควิด-19 ที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลเท่านั้น”

Nigel McMillan ศาสตราจารย์สาขาวิชาโรคติดเชื้อจากมหาวิทยาลัย Griffith ของออสเตรเลีย ปฎิเสธแนวคิดที่ระบุว่า อาจจะมีการแฝงไมโครชิพผ่านวัคซีนต้านโควิด-19

“ณ เวลานี้ยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถทำได้อย่างที่กล่าว” เขาบอกกับสำนักข่าว AFP ทางอีเมลในวันที่ 8 ธันวาคม 2563

วิดีโอต้นฉบับ

วิดีโอในโพสต์ที่ทำให้เข้าใจผิดเป็นคลิปสั้นที่ตัดมาจากวิดีโอต้นฉบับของสถานีโทรทัศน์ Galileo ในประเทศเยอรมัน โดยวิดีโอต้นฉบับเป็นรายงานที่อธิบายถึงทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ที่ถูกแชร์กันระหว่างการระบาดครั้งนี้

การค้นหาด้วยคำสำคัญในช่องยูทูปของ Galileo พบวิดีโอต้นฉบับนี้ ซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2563 โดยวิดีโอนี้มีชื่อที่แปลเป็นภาษาไทยว่า “ทำไมทฤษฎีสมคบคิดถึงได้รับความนิยม”

คำบรรยายวิดีโอบนเว็บไซต์ของ Galileo เขียนว่า “ในปี 2563 ทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ แพร่กระจายออกไปพร้อมๆ กับโรคโควิด-19”

“โคโรนาเป็นการคิดค้นของชนชั้นปกครอง บิล เกตส์ ต้องการจะยึดครองโลกด้วยวัคซีน เสาส่งสัญญาณ 5G เป็นตัวแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า การชุมนุมต่อต้านโควิด-19 เป็นเครื่องมือของกลุ่มขวาจัดสุดโต่ง ทำไมสถานการณ์โลกนี้จึงกลายเป็นที่บ่มเพาะทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้ทฤษฎีเหล่านี้คืออะไรและทำไมกลุ่มสุดโต่งขวาจัดจึงฉวยโอกาสจากมัน Galileo Special กำลังค้นหาคำตอบ”

รายงานต้นฉบับความยาว 50 นาที ของ Galileo ได้มีการสัมภาษณ์ Sabine Riede ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่ปรึกษา Sekten-Info NRW ของประเทศเยอรมัน โดยเธออธิบายว่าสาเหตุที่ผู้คนหลงเชื่อทฤษฎีเหล่านี้เนื่องจากพวกเขา “รู้สึกสิ้นหวัง”

ก่อนถึงช่วงที่ถูกตัดและนำไปแชร์ในโพสต์ที่ทำให้เข้าใจผิด ผู้บรรยายกล่าวว่า “มันจะเป็นเรื่องยากมากเลย ถ้าเราปฎิเสธวัคซีนเพียงเพราะทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้ ทฤษฎี [ที่ว่านี้] คือ”

คลิปวิดีโอในโพสต์ที่ทำให้เข้าใจผิด เริ่มในช่วงนาทีที่ 21.52

ด้านล่างคือการเปรียบเทียบภาพถ่ายหน้าจอระหว่างโพสต์เฟซบุ๊กที่ทำให้เข้าใจผิด (ซ้าย) และวิดีโอต้นฉบับบนเว็บไซต์ของ Galileo (ขวา)

Image
Image
Image
เปรียบเทียบภาพถ่ายหน้าจอระหว่างโพสต์เฟซบุ๊กที่ทำให้เข้าใจผิด (ซ้าย) และวิดีโอต้นฉบับบนเว็บไซต์ของ Galileo (ขวา)

บิล เกตส์ ปฎิเสธทฤษฎีสมคบคิด

บิล เกตส์ ได้ออกมากล่าวปฎิเสธทฤษฎีสมคบคิดที่กล่าวอ้างว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด -19 อย่างต่อเนื่อง

“ผมไม่เคยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องไมโครชิพอะไรนั่น” เกตส์พูดกับนักข่าวในเดือนมิถุนายน 2563 ภายหลังการประกาศโครงการริเริ่มมูลค่า 1,600 ล้านบาทเพื่อส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก

หลังได้รับการติดต่อจาก AFP ในเดือนมิถุนายน โฆษกของมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ยืนยันว่า คำกล่าวอ้างที่โยงเกตส์เข้าไปกับวัคซีนที่แฝงไมโครชิพ เป็นเรื่องเท็จ

ในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 เกสต์กล่าวว่า “ไม่มีใครที่จะสามารถทำนายว่าตัวผมและดอกเตอร์ Fauci จะถูกนำมาอ้างในทฤษฎีที่ชั่วร้ายที่อ้างว่าเราสร้างการระบาดครั้งใหญ่นี้และเรื่องที่อ้างว่าเราพยายามจะทำกำไรจากมัน และอีกหลายๆ เรื่อง ผมตกใจมากกับเรื่องนี้”

พบเนื้อหาที่คุณต้องการให้เอเอฟพีตรวจสอบ?

ติดต่อเรา